1.
บทความทำอย่างไรลูกที่ดีจะมาเิกิด
2. ข้อมูลในการเตรียมของใช้เด็กแรกเกิด
ทำอย่างไรลูกที่ดีจะมาเกิด
การมีลูกที่ดี
ย่อมเป็นยอดแห่งความปรารถนาของพ่อแม่ทุกคน แต่การที่พ่อแม่จะเพียงตั้งความปรารถนา
บนบาน หรือขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้สำเร็จสมประสงค์นั้นย่อมไม่มีทางสำเร็จได้
แต่อาจจะสำเร็จได้ด้วยการทำเหตุให้สมบูรณ์จริง ๆ นั่นก็คือ ทั้งพ่อและแม่
จะต้องตั้งอยู่ในความดีเสมอต้นเสมอปลาย และจะต้องไม่ก่อเวรกรรมกับคนหรือสัตว์อื่น
ๆ ไม่ว่าในทางตรงหรือทางอ้อมไว้ในอดีตด้วยมิฉะนั้นคู่เวรมันก็อาจจะแอบแฝงมาในรูปของลูกเพื่อตามมาล้างผลาญหรือมาล้างแค้นเพื่อให้หมดเวรกันไปก็ได้
ในคำสอนทางพระพุทธศาสนา มีเรื่องราวอยู่มากมายที่ลูกเกิดมาเพื่อล้างผลาญพ่อแม่
พอล้างผลาญเสร็จ กล่าวคือพ่อแม่พินาศหรือวิบัติแล้วเขาก็ตายหรือจากไป
จากคตินี้
ใครที่มีลูกล้างลูกผลาญ ก็จงสังวรไว้ให้มาก อย่าไปต่อเวรกรรมกับเขาเพิ่มขึ้นอีกเลย
จงพยายามเอาความดีเข้าต่อ ในไม่ช้าเวรกรรมต่าง ๆ ก็ย่อมจะระงับหรือหมดไปเอง
สำหรับพ่อแม่ที่อยากจะให้ลูกดี
ๆ มาเกิด ก็คงทำได้ไม่ยากนัก แต่จะต้องใช้เวลานานหน่อย โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ควรเว้นจากบาปหรืออกุศลกรรมทุกชนิด และจะต้องทำในระยะยาวหรือทำจนตลอดชีวิตเมื่อเราไม่ทำบาปกรรม
เราก็ย่อยจะไม่มีเวรกับใคร เมือเราไปแต่งงานและมีลูก เราก็ไม่มีลูกเวรมาเกิด
ข้อนี้มันค่อนข้างจะทำยาก แต่ถ้าเราทำได้ มันจะปลอดจากเวรได้แน่นอน
2. เมื่อคิดจะแต่งงานควรเลือกแต่งกับคนที่ใจบุญสุนทาน รังเกียจบาป
ประกอบแต่การบุญอยู่เสมอ ซึ่งในข้อนี้ก็ย่อมจะหายากอีก เพราะคนที่สนใจในการบุญการกุศล
เขาก็ย่อมจะไม่สนใจในการแต่งงาน ถ้าหาคนที่ใจบุญมาก ๆ ไม่ได้ก็ควรจะหาที่ใจบาปน้อย
ๆ หน่อยก็ยังดี
3. เมื่อเริ่มแต่งงานกันแล้ว ทั้งผัวและเมียอย่าได้กระทำบาปกรรมอีกเป็นอันขาด
ช่วงที่แต่งงานกันแล้วนี่แหละ นับว่าเป็นช่วงที่สำคัญมาก ลูกที่ดีหรือชั่วเขาจะมาหาที่เกิด
เขาก็จะเลือกพ่อและแม่ที่จะมาเกิดนั้น ให้ตรงกับนิสัยและกรรมของเขาด้วย
กล่าวคือ ถ้าเขามีบาปมาก เขาก็จะเลือกมาเกิดกับคนที่มีบาปมาก ถ้ามีบุญมาก
เขาก็จะเลือกมาเกิดกับคนที่มีบุญมาก โดยมีอดีตกรรมที่เขาทำไว้แล้วเป็นแรงผลักดัน
ตัวเขาเองจริง ๆ นั้นเขาก็ไม่อาจจะเลือกได้ และไม่รู้ตัวด้วย
ที่สำคัญทั้งพ่อและแม่ที่เขาจะมาเกิด
ก็จะต้องมีความสัมพันธุ์เกี่ยวข้องกับเขาด้วย คือถ้าพ่อแม่ดีก็จะดึงเอาลูกดี
ๆ มาเกิด ถ้าพ่อแม่เป็นคนชั่ว มันก็จะดึงเอาลูกชั่วมาเกิด คนในสมัยก่อน
พอเมียมีท้องผู้ใหญ่เขาก็มักจะให้รักษาศีล ๕ ให้หมั่นทำบุญกุศล
เพื่อลูกที่มาเกิดจะได้เป็นคนดี หรือว่าคนดีจะมาเกิด แต่ผู้เขียนเห็นว่ามันออกจะช้าไปแล้วละต๋อย
เพราะลูกมันมาเกิดเสียก่อนแล้ว เราจะเลือกได้อย่างไร?
ถ้าจะให้เจ๋งจริง ๆ พ่อและแม่ก็จะต้องเริ่มรักษาศีลและทำบุญมาตั้งแต่ลูกยังไม่มาเกิด
หรือตั้งแต่เมียยังไม่ตั้งท้อง หรือเมื่อประจำเดือนยังไม่ขาด นั่นแหละมันจึงจะทันกาล
รับรองว่าจะต้องได้ลูกดีแน่ ๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งผัวและเมีย
ก็จะต้องไม่ทำบาปกรรมไว้ก่อนหน้านั้นด้วย มิฉะนั้นเวรหรืออกุศลกรรมเก่ามันอาจมาเป็นตัวแปร
ให้ลูกเวรหรือลูกเลวมาเกิดก็ได้ ทั้งที่พ่อแม่ได้เริ่มทำความดีเมื่อแรกแต่งงานกันมาก็ตาม
แต่จะอย่างไรก็ตามเถอะ แม้ว่าเราจะมาทำความดีเอาเมื่อตอนแม่ตั้งครรภ์แล้ว
ก็ยังดีกว่าที่จะไม่ทำเสียเลย เพราะความดีก็ย่อมจะเป็นความดีอยู่วันยังค่ำ
ถึงแม้จะระงับเวรในอดีตไม่ได้ แต่การทำดีของแม่ในขณะตั้งท้อง ก็ย่อมจะช่วยให้ผลแห่งเวรกรรมเบาบางลง
และลูกก็ย่อมจะมีส่วนดีด้วย การทำความดีจึงเป็นสิ่งที่ผัวเมีย
หรือพ่อแม่ควรให้ความสนใจ และควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะนอกจากจะช่วยบรรเทาเวรกรรมในอนาคตแล้ว
ยังช่วยให้สุขภาพกายและสุขภาพจิตของพ่อและแม่ในปัจจุบันดีขึ้นอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้
การที่เราจะให้ลูกที่ดีมาเกิดก็ตามการจะเลี้ยงลูกให้ดีก็ตาม ล้วนแต่จะต้องทำเหตุไว้ก่อนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
หรือในขณะที่ลูกยังไม่มาปฏิสนธิในครรภ์ของแม่เสียด้วยซ้ำไป ดังนั้น
การที่คนเราจะแต่งงานหรือไม่? การได้อยู่เป็นโสดก็ตาม แต่งงานแล้วมีลูกหรือไม่มี?
มีลูกดีหรือลูกชั่ว? มีลูกปกติหรือลูกพิการ? มีลูกแล้วพ่อแม่มีความสุขหรือทุกข์?
ยากจนหรือร่ำรวย? ล้วนเป็นมาตรวัดกุศลและอกุศลวิบาก (กรรมเก่า)
ของเราทั้งสิ้น
อ้างอิงจากหนังสือ เลี้ยงลูกถูกธรรม
ผู้เขียน : ธรรมรักษา
หน้า79-84
ข้อมูลในการเตรียมของใช้สำหรับเด็กแรกเกิด
1. กางเกงผ้าอ้อม
อย่างน้อย 2 โหล
ข้อมูล เนื่องจากเด็กแรกเกิดถึง
3 เดือน จะปัสสาวะต่อวัน 12-18 ครั้งต่อ 1 วัน (ยังไม่นับรวมเวลากลางคืน)
ดังนั้นจะต้องมีกางเกงผ้าอ้อมไว้สำหรับเปลี่ยนให้ลูกน้อยประมาณ
12-20 ตัวต่อ 1 วัน และมีไว้สำหรับสลับซักใช้งานอีกเท่ากัน หากมีเวลาซักน้อยควรมีไว้สำหรับเด็กแรกเกิด
3 โหลกำลังดี
2. ผ้าอ้อม
(ผืนสี่เหลี่ยม) อย่างน้อย 6-12 ชิ้น
ข้อมูล
หากมีกางเกงผ้าอ้อมจำนวนมากอยู่แล้ว ควรมีผ้าอ้อมผืนสี่เหลี่ยมไว้เพียงเล็กน้อย
เพื่อไว้สำหรับเช็ดตัว หรือสำหรับรองตัวเด็ก
3. ขวดนม
5 ขวด (สำหรับเด็กที่ดืมนมแม่) 12 ขวด (สำหรับเด็กที่ดื่มนมชง)
ข้อมูล
3.1 ขวดนมขนาดเล็ก 5 ขวด (สำหรับเด็กที่ดื่มนมแม่) มีไว้ใส่น้ำต้มสุกให้ลูกน้อยดื่ม
และเผื่อไว้สลับล้างใช้
3.2
ขวดนมขนาดเล็ก 12 ขวด (สำหรับเด็กที่ดื่มนมชง) มีไว้ใส่น้ำต้มสุกให้ลูกน้อยดื่ม
มีไว้สำหรับชงนมให้ลูกน้อย และสลับล้างใช้งาน เนื่องจากว่าเด็กที่ดื่มนมชงอย่างเดียวจะต้องใช้ขวดนมจำนวนมากใน
1 วัน เด็กแรกเกิดจะหิวนมบ่อย แต่ทีละน้อย ช่วงเวลาปกติที่ลูกน้อยหิวนมประมาณ
2-3 ชั่วโมง ดังนั้นการชงนมใน 1 ครั้งที่ให้ลูกน้อยดื่มนั้นหากมีนมเหลือไม่ควรให้ลูกน้อยดื่มต่อในมื้อต่อไป
(จะมีคำแนะนำข้างกระป๋องนมบอก) และเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กติดเชื้อทางเดินอาหาร
เนื่องจากเด็กจะไม่สามารถบอกได้ว่าเจ็บหรือปวดตรงไหน ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการให้ดื่มนมเหลือจากมื้อก่อนหน้า
และการชงนมให้ลูกน้อยควรชงเฉพาะให้พอดีในต่อมื้อ เหตุผลที่ต้องมีขวดนมอย่างน้อย
12 ขวดเนื่องจากคุณแม่จะยุ่งมากและไม่ค่อยมีเวลาได้ล้างขวดนมบ่อย
ๆ ในแต่ละวัน จะเก็บล้างทีเดียว ดังนั้นควรมีสลับล้างเพื่อใช้งาน
4. แปรงล้างขวดนม
1 อัน
ข้อมูล
ควรเลือกซื้อที่หัวปลายแปรงเป็นแบบขนพลาสติก เมื่อเวลาล้างขวดนมที่ก้นขวดหากเป็นปลายแปรงแบบขนพลาสติกนิ่มจะทำให้ขัดคราบนมได้ดีกว่าแบบปลายแปรงเป็นฟองน้ำ
(ปัญหาของปลายแปรงแบบฟองน้ำคือขัดคราบนมที่ก้นขวดนมได้ไม่สะอาดเท่าที่ควร
และหากใช้ไปนาน ๆ ฟองน้ำมักจะหลุดจากปลายแปรงได้ง่าย)
5. ที่นอนแบบฟองน้ำ่ไมยุบตัวมากมากเกินไป
ข้อมูล
ที่นอนสำหรับให้ลูกน้อยนอนควรเลือกแบบฟองน้ำที่ไม่ยุบตัวมากเกินไป
เนื่องจากว่าหากใช้แบบที่นอนนุ่มมากและยุบตัวมาก จะทำให้เด็กนอนแล้วที่นอนจะยุบและปิดหน้าหรือปิดจมูกลูกน้อยได้
หากลูกน้อยต้องนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ แต่ก็ไม่ควรเลือกแบบแข็งจนเกินไป
6.
ผ้ายางรอง 1 ผืน
ข้อมูล
ผ้ายางรองมีไว้สำหรับรองไม่ให้ปัสสาวะลูกน้อยทะลุถึงที่นอน
เหตุผลคือหากปัสสาวะลูกน้อยทะลุถึงที่นอนแล้วที่นอนจะเปียกและต้องเสียเวลาซัก
และซักยากเนื่องจากที่นอนชิ้นใหญ่ แต่หากจำเป็นต้องรองผ้ายางไว้ที่นอนลูกน้อยก็ควรที่จะมีผ้ารองบนผ้ายางเพื่อไม่ให้ผ้ายางติดกับตัวลูกน้อยโดยตรงเพราะจะทำให้อบร้อนได้
(ขอแนะนำหากต้องใช้ผ้ายางรองให้รองผ้ายางเฉพาะประมาณช่วงครึ่งหลังจนถึงปลายเท้าของลูกน้อยเพื่อป้องกันการอบร้อนตลอดทั้งตัว)
7. เสื้อผูกหลัง
6-10 ตัว
ข้อมูล
เสื้อผูกหลังเป็นเสื้อที่เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดเนื่องจากสวมใส่ง่าย
ควรมีไว้อย่างน้อย 6-10ตัว เพื่อสลับซักใช้ หากคุณแม่ที่ไม่มีเวลาซักบ่อย
ๆ ควรมีไว้เพิ่มอีกนิดก็ได้ แต่ไม่ควรจะซื้อเสื้อแบบผูกหลังไว้มาก
ๆ เนื่องจากเด็กแรกเกิด ถึง 1 เดือนแรกจะเติบโตรวดเร็วมาก
8. ผ้าห่อตัวเด็ก
2 ผืน
ข้อมูล
ผ้าห่อตัวเด็กอย่างน้อยมีไว้ 2 ผืน แต่ไม่ควรจะมีไว้มาก ๆ เนื่องจากว่าส่วนใหญ่จะใช้ผ้าห่อต่อให้เด็กประมาณ
แรกเกิด ถึง 1 เดือน เป็นส่วนใหญ่
9. หมวก
- ถุงมือ - ถุงเท้า
ข้อมูล
หมวกที่ใส่แล้วพอดีหัวเด็กไม่หลวมมาก (หากหลวมมากเวลาเด็กใส่นอนกลางคืนจะทำให้ปิดหน้าตาได้)
ควรมีไ้้ว้อย่างน้อย 2 ใบสำหรับสวมนอนกลางคืน ถุงมืออย่างน้อย
4-6 คู่ เพื่อสลับเปลี่ยนซักใช้ทุกวัน และถุงเท้าอย่างน้อย 3 คู่
ไว้ใส่นอนกลางคืนและออกนอกบ้าน หมวกและถุงเท้าหากเป็นหน้าหนาวควรมีไว้มากกว่านี้สักเล็กน้อยเพราะจะใช้มากกว่าน่าร้อน
10. กาละมังสำหรับอาบน้ำ
1 อัน
ข้อมูล
กาละมังสำหรับอาบน้ำ เพื่อใส่น้ำอุ่นอาบน้ำให้ลูกน้อย
11. ฟองน้ำแบบนุ่ม
ๆ 1 อัน
ข้อมูล
ฟองน้ำเลือกแบบนุ่ม ๆ ไว้สำหรับอาบน้ำให้ลูกน้อย
12. สำลีสำหรับเช็ดก้นเด็ก
1 ห่อ และสำลีก้าน 1 ห่อเล็ก
ข้อมูล
สำลีสำหรับเช็ดก้นเด็ก 1 ห่อใหญ่ เพื่อไว้เช็ดก้นลูกน้อยและอวัยะเด็กหลังการขับถ่าย
และสำลีก้าน 1 ห่อ เพื่อไว้สำหรับเช็ดชอกเล็ก ๆ
13. สบู่สำหรับทารก,
ยาสระผมสำหรับทารก
ข้อมูล
สบู่สำหรับทารก หากเลือกเป็นสบู่เหลวแบบหัวปั้มจะสะดวกในการใช้งานมากกว่า
แต่ควรเลือกสบู่ที่เหมาะสำหรับเด็กทารก
(ข้อมูลจากคุณเพชรรุ่ง ประเสริฐกุล)